คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปรับรูปหน้าด้วยโบท็อกซ์

 (Rosabelle Clinic โดย นพ.วิชญ์พงศ์ เล็กชะอุ่ม)

Q: สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิดเอ คืออะไร และช่วยลดริ้วรอยได้จริงหรือ?

A: สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิดเอ เป็นสารโปรตีนบริสุทธิ์ที่ผลิตจากจุลชีพ และเมื่อฉีดเข้าไปยังชั้นกล้ามเนื้อจะมีผลยับยั้งไม่ให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อบริเวณนั้น ซึ่งสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิดเอ ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการลดริ้วรอย เช่น รอยย่นบนหน้าผาก รอยย่นระหว่างคิ้ว นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนวัยลง และสามารถช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวด้วยการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิดเอ บริเวณกล้ามเนื้อกรามก็จะช่วยให้ได้ใบหน้าที่เรียวสวย




Q: ผิวแบบไหนที่เหมาะกับการยกกระชับหน้าด้วยสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน 

A: สามารถทำได้ทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวที่มีริ้วรอยร่องตื้น รูขุมขนกว้าง ผิวหน้ามัน แต่งหน้าแล้วเครื่องสำอางไม่ติดทน เหงื่อออกมาก นอกจากนี้ยังสามารถฉีดยกกระชับใบหน้าได้ในบางจุด




Q: การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะอยู่ได้นานแค่ไหน และจะเจ็บมากไหม?

A: ผลลัพธ์ของการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือนหลังฉีด

สำหรับความเจ็บ
เนื่องจากวิธีการฉีดนั้นจะใช้เข็มขนาดเล็กมาก จึงเป็นหัตถการที่เจ็บน้อยมาก (นอกจากนี้ยังมีการประคบเย็น หรือทาชายาก่อนฉีดประมาณ40 นาที ซึ่งสามารถช่วยทำให้ผิวชา ลดอาการเจ็บจากเข็มและตัวยาได้ด้วย)

Q: การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะช่วยยกกระชับผิวหน้าให้เรียบเนียนได้แค่ไหน?

A: วิธีการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ได้รับความนิยมมากในประเทศเกาหลี เพราะทำให้ใบหน้าดูอ่อนวัยอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวดูกระชับเรียบเนียน เพราะสารโบทูลินั่มท็อกซิน เมื่อถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังของใบหน้า จะทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวลง ส่งผลให้ใบหน้ายกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ รูขุมขนเล็กลง ผิวหน้าที่เคยมันกลับเรียบเนียนแลดูสดใส




เกร็ดความรู้ของการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน

การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน บริเวณใบหน้า เห็นผลเต็มที่หลังการฉีด 1 สัปดาห์
การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน บริเวณกราม เห็นผลเต็มที่หลังการฉีด 1 เดือน



การปฏิบัติตัวก่อนการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน

ก่อนฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน ควรงดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDS ได้แก่ ยาแอสไพริน และอาหารเสริมบางตัวที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามินอี, น้ำมันปลา หรือ ginkgo เป็นเวลา 1 สัปดาห์
งดแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมงก่อนและหลังการรักษา